สมาคมฯชวนชิล : สัญจรพระนคร เกาะรัตนโกสินทร์ ตอนที่1

22 กุมภาพันธ์ 2562 ยอดผู้ชม 5009 ครั้ง

สัญจรพระนคร เกาะรัตนโกสินทร์ ตอนที่ 1


เกาะรัตนโกสินทร์เป็นพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ยาวนานมากว่า200ปี ทำให้มี วัด วัง โบราณสถาน ย่านชุมชนเก่าแก่ ที่มีความสวยงามทางสถาปัตยกรรมดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ต้องหลงใหลในความงดงาม ต่างพากันแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนอย่างไม่ขาดสาย และถูกจัดให้เป็นหนึ่งใน The best places in Thailand “สมาคมฯชวนชิล” สัปดาห์นี้จะขออาสาพาทัศนากรุงรัตนโกสินทร์ บอกก่อนนะคะว่า ที่เที่ยวเยอะมาก วันเดียวเที่ยวไม่ทั่ว ทัวร์ดีๆมีสาระ พร้อมแล้วออกเดินทางมาด้วยกันเลย



ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร


การยกทัพจับศึกก็ต้องถือเอาฤกษ์เอาชัยเป็นสำคัญ การท่องเที่ยวก็เช่นกัน เอ๊ะ เกี่ยวอะไรกัน แหมๆเพื่อความเป็นสิริมงคล เราก็ต้องพามาสักการะ “ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร” กันเสียก่อน เพื่ออธิษฐานขอพร “เสริมหลักชัยให้ชีวิตมีแต่ความมั่นคงมั่งคั่ง”


เสาหลักเมือง(องค์จริง) มีอยู่ 2 เสา ตามประวัติความเป็นมาศาลหลักเมืองสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2325ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่1 พร้อมๆกับการสร้างพระนคร เสาหลักเมืองลักษณะเป็นเสาไม้ชัยพฤกษ์ มีไม้แก่นจันทร์ประกับนอก ลงรักปิดทองยอดเสารูปบัวตูม ภายในกลวงเป็นช่องสำหรับบรรจุดวงชะตาเมือง ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่ รัชกาลที่ 4 ทรงมีพระราชดำริว่าศาลหลักเมืองรวมถึงตัวเสานั้นทรุดโทรมไปตามกาลเวลา กอปรกับทรงเชี่ยวชาญในโหราศาสตร์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ผูกดวงพระราชสมภพ เพื่อให้ประเทศชาติและประชาชนชาวไทยทั้งหลายประสบความเจริญรุ่งเรืองวัฒนาถาวร โดยได้เริ่มสร้างเสาหลักเมืองต้นใหม่ ในปี พ.ศ. 2395เป็นเสาไม้สักเป็นแกนอยู่ภายในประกับด้วยไม้ชัยพฤกษ์ ยอดเม็ดทรงมัณฑ์ มีลักษณะทรงเสาอวบกว่าเสาหลักเมืองต้นเดิม



นอกจากนี้ภายในศาลหลักเมืองกรุงเทพฯยังมี “หอเทพารักษ์ทั้ง5” เป็นที่ประดิษฐานของ พระเสื้อเมือง, พระทรงเมือง , พระกาฬไชยศรี , เจ้าพ่อเจตคุปต์ , เจ้าพ่อหอกลอง “หอพระพุทธรูป” เติมน้ำมันพระประจำวันเกิด ผูกผ้าสามสีเสาหลักเมือง (องค์จำลอง) เพื่อความเป็นสิริมงคล



วัดพระศรีรัตนศาสดาราม


สักการะศาลหลักเมืองกรุงเทพฯ เอาฤกษ์เอาชัยเป็นที่เรียบร้อย ก็ออกเดินเท้าข้ามฝั่งมายัง “วัดพระศรีรัตนศาสดาราม”หรือที่เรียกกันว่า “วัดพระแก้ว” ซึ่งในทุกๆวันจะคลาคล่ำไปด้วยนักเที่ยวชาวต่างชาติ และพุทธศาสนิกชนชาวไทยที่หลั่งไหลเข้ามาเพื่อชมความงดงามกันอย่างเนืองแน่น


วัดพระศรีรัตนศาสดารามสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2325ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นวัดที่สร้างในเขตพระราชทาน ดั่งเช่น วัดมหาธาตุ แห่งกรุงสุโขทัย และวัดพระศรีสรรเพชญ์ แห่งกรุงศรีอยุธยา อีกทั้งเป็นที่ประดิษฐานของ“พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร” หรือ “พระแก้วมรกต” พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ศูนย์รวมความเคารพศรัทธาทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นที่รู้กันดีว่า “พระแก้วมรกต” จะมีเครื่องทรงแตกต่างกันไปแต่ละฤดูเครื่องทรงฤดูร้อน กำหนดวันแรม 1 ค่ำ เดือน4 ราวเดือนมีนาคม , เครื่องทรงฤดูฝน กำหนดวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ราวเดือนกรกฎาคม และ เครื่องทรงฤดูหนาว กำหนดวันแรม 1 ค่ำ เดือน12 ราวเดือนพฤศจิกายนหากได้ไปกราบขอพรพระแก้วมรกต มีความเชื่อว่าจะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต แก้วแหวนเงินทองไหลมาเทมาตลอดปีไม่ขาดสาย



ด้านความงดงามทางสถาปัตยกรรมและประติมากรรมของโบราณสถาน โบราณวัตถุ นั้นถือว่าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีเลิศ ทั้งหมู่พระอุโบสถ ที่สร้างตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่1 ,ประสาทพระเทพบิดร , พระมณฑป , พระศรีรัตนเจดีย์ , พระอัษฏามหาเจดีย์, หอพระคันธารราษฏร์  ฯลฯ รวมถึงภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์บริเวณระเบียงคดรอบพระอุโบสถ ที่มีความงดงามสมบูรณ์มากและถูกจัดให้เป็นจิตกรรมฝาผนังที่ยาวที่สุดในโลก ท่านใดที่ยังไม่เคยไป แนะนำให้ไปสัมผัสความงดงามของวัดพระศรีรัตนศาสดารามสักครั้งในชีวิต แล้วคุณจะรู้ว่าสวรรค์บนดินนั้นมีอยู่จริง



พระบรมมหาราชวัง


ในบริเวณติดต่อกันกับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นที่ตั้งของ “พระบรมมหาราชวัง”ที่ประทับของพระมหากษัตริย์สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่1 จนถึง รัชกาลที่5 เขตพระราชฐานแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือเขตพระราชฐานชั้นหน้า นับตั้งแต่ประตูวิเศษไชยศรีถึงประตูพิมานไชยศรี รวมทั้งบริเวณรอบนอกที่เป็นที่ตั้งของหน่วยงานต่างๆ เขตพระราชฐานชั้นกลาง นับตั้งแต่ประตูพิมานไชยศรีจนถึงประตูสนามราชกิจ เป็นที่ตั้งของหมู่ปราสาทราชมณเฑียรที่มีความผสมผสานสถาปัตยกรรมทั้งไทยและตะวันตก แต่ที่โดดเด่นและยิ่งใหญ่ เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวได้แก่ “พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท” สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อใช้เป็นสถานที่ออกราชการและที่ประทับส่วนพระองค์ ส่วนเขตพระราชฐานชั้นใน จะเป็นที่ตั้งของหมู่พระตำหนักของพระมเหสี พระราชเทวี พระชายา พระราชธิดา เจ้าจอมมารดา เจ้าจอม ข้าราชบริพารและเหล่าข้าราชการฝ่ายใน



วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ราชวรมหาวิหาร


ออกจากพระบรมมหาราชวังข้ามฝั่งเดินมาตาม ถ.หน้าพระธาตุ ก็ถึง “วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ราชวรมหาวิหาร” เมื่อมองจากภายนอกรอบๆบริเวณวัด ดูพลุกพล่านไปด้วยผู้คน รถยนต์ รถโดยสาร ที่สัญจรผ่านไปมา แต่เมื่อเข้ามาด้านในกลับเงียบสงบด้วยเสียงและแสงแห่งธรรม ตามประวัติแต่เดิมชื่อ       วัดสลัก มีเรื่องเล่ากันว่า เมื่อกรุงศรีอยุธยาจะเสียแก่พม่า ในปีพ.ศ.2310 สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ขณะดำรงพระอิสริยยศเป็นนายสุดจินดา ล่องเรือมาตามลำน้ำเจ้าพระยาเพื่อจะไปหาหลวงยกกระบัตร เมืองราชบุรี ก่อนจะเลี้ยวเข้าคลองบางกอกใหญ่บริเวณหน้าวัดสลัก พบเรือลาดตะเวนของพม่าจึงพลิกเรือคว่ำเพื่อซ่อนตัวพร้อมกับอธิษฐานขออำนาจพระพุทธรูปในพระอุโบสถเป็นที่พึ่ง ว่าหากพระองค์รอดพ้นจากข้าศึกไปได้ ต่อไปภายหน้าได้เป็นใหญ่แล้วจะบูรณปฏิสังขรณ์วัดนี้ให้รุ่งเรืองสืบไป


center

สถานที่สำคัญภายในพระอาราม ได้แก่ “พระมณฑป”สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ทรงสร้างเป็นที่ประดิษฐานพระเจดีย์ทองที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และที่ผนังทั้งสี่ด้านประดิษฐานพระพุทธรูปสำริดสมัยสุโขทัยและอยุธยาที่อัญเชิญมาจากหัวเมืองเหนือ จำนวน 28 องค์ “พระอุโบสถ”สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาททรงสร้างและรัชกาลที่ 3 ทรงบูรณะ ภายในพระอุโบสถประดิษฐาน “หลวงพ่อพระศรีสรรเพชญ์” พระพุทธรูปปางมารวิชัยเป็นพระประธาน “พระวิหาร” ภายในเป็นที่ประดิษฐาน “พระศรีศากยมุนี” หรือ หลวงพ่อโต เป็นพระประธานวิหารหลวง ซึ่งด้านหลังมีพระแท่นบรรทมของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท จัดแสดงไว้ให้ชม นอกจากนี้ยังมีพระระเบียง,ศาลาการเปรียญ,ตำหนักสมเด็จพระสังฆราชและหอปริยัติ นอกจากจะเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และทางพระพุทธศาสนาแล้วในอดีตวัดมหาธาตุฯ ยังเคยเป็นสนามพระเครื่องแห่งแรกๆ ที่นักนิยมสะสมพระรุ่นเก่าย่อมรู้จักกันเป็นอย่างดีอีกด้วย



พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พระนคร


ตรงมาทาง ถ.หน้าพระธาตุ เดินมาเรื่อยๆ ผ่านมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ใกล้ๆกันก็จะพบ “พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พระนคร” ตั้งอยู่บริเวณ “พระราชวังบวรสถานมงคล” หรือ “วังหน้า” ที่ประทับเดิมของพระมหาอุปราชทั้ง5 พระองค์ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้แก่ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท สมเด็จพระอนุชาในรัชกาลที่1 ,สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์ สมเด็จพระอนุชาในรัชกาลที่ 2 ,สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ สมเด็จพระปิตุลาธิราชในรัชกาลที่ 3 ,พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระอนุชาในรัชกาลที่ 4 และ สมเด็จกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ พระโอรสองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว



ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ยกเลิกตำแหน่งพระมหาอุปราช และโปรดเกล้าให้“พระราชวังบวรสถานมงคล”เป็น “มิวเซียมหลวง” ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 7 โปรดเกล้าพระราชทานพระราชมณเฑียรในพระราชวังบวรสถานมงคลทั้งหมด ให้จัดตั้งเป็น “พิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร” และเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง รัฐบาลได้จัดตั้งกรมศิลปากรขึ้น และได้ประกาศตั้งเป็น “พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พระนคร” เมื่อปีพ.ศ. 2477



ต้องขอออกตัวก่อนเลยค่ะว่าเพิ่งมา “พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พระนคร” เป็นครั้งแรก รู้สึกประทับใจมากๆ และเชื่อว่าหากคุณเป็นคนที่ชอบเรื่องราวประวัติศาสตร์ หรือไม่ใช่ก็ตาม ถ้าได้เข้ามาในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็จะต้องประทับใจเช่นเดียวกันเพราะว่าภายในพระนั่งซึ่งเป็นโบราณสถานอันทรงคุณค่า รวมถึงอาคารต่างๆได้ถูกจัดให้เป็นที่จัดแสดงโบราณวัตถุที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ไว้มากมาย ทุกชิ้นมีเรื่องราว บางชิ้นมีอายุนับร้อย นับพันปี บางชิ้นเราเคยเห็นในหนังสือหรือตามสื่อต่างๆ บางชิ้นยังไม่เคยเห็นที่ใดมาก่อน อาทิ ศิลาจารึกหลักที่1 สมัยสุโขทัย ,ธรรมจักรศิลาและกวางหมอบศิลปะทวารวดี,พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ศิลปะศรีวิชัย และ เศียรพระพุทธรูป วัดพระศรีสรรเพชญ์ ศิลปะอยุธยา ฯลฯนอกจากนี้ยังมีห้องจัดแสดงประวัติศาสตร์ศิลปะไทยในยุคสมัยต่างๆ ตั้งแต่ก่อนพุทธศตวรรษที่18จนมาถึงกรุงรัตนโกสินทร์ ห้องจัดแสดงเงินตราธนบัตร,เครื่องทอง,เครื่องงาช้าง,เครื่องมุก,เครื่องถ้วย รวมถึง โรงราชรถ เครื่องราชยานคานหาม และอื่นๆอีกมากมาย



ท่ามหาราช


สัญจรพระนครมาทั้งวันแล้วก็ถึงเวลาพักแข้งพักขาอิ่มใจสบายท้องกันเสียที “สมาคมฯชวนชิล” ขอแนะนำ “ท่ามหาราช” คอมมูนิตี้มอลล์สุดชิค ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ติดกับท่าพระจันทร์ตักศิลาสนามพระที่คุ้นเคยและรู้จักกันดี  พื้นที่ด้านในมีร้านอาหารให้เลือกสรร ทั้งเมนูของคาวอาหารไทย-อาหารฝรั่งจัดหนักจัดเต็มหรือเมนูของหวานเบเกอรี่หลากหลายละลานตา แต่ที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่เห็นจะเป็นการตกแต่งสถานที่และมุมถ่ายรูปต่างๆ  ที่รับรองเลยว่าถูกอกถูกใจสาวกเซลฟี่นักแชะกันอย่างแน่นอน “ท่ามหาราช” ตอบโจทย์ทุกความสุขของทุกเพศทุกวัยเหมาะกับการพักผ่อนในวันหยุด มาทั้งครอบครัวก็แฮปปี้ มากับเพื่อนก็เฮฮา มาเป็นคู่ก็หวานเว่อ หรือ จะมาคนเดียวก็เฟี๊ยวได้ ลองมาเที่ยวกันดูนะคะ



ฝากไว้สักนิดก่อนคิดเดินทาง


1. ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร เปิดทุกวัน ควรเข้าชม 06.00 -18.30 น. ด้านในมีดอกไม้ธูปเทียน เครื่องสักการะให้ร่วมทำบุญในราคาย่อมเยาว์
2. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม, พระบรมมหาราชวัง ควรแต่งกายสุภาพเรียบร้อย ห้ามใส่เสื้อแขนกุดเปิดไหล่ ห้ามใส่กางเกง/กระโปรงที่สั้นจนเกินไป, ไม่ควรส่งเสียงดังเพื่อเป็นการเคารพสถานที่, ไม่ควรใช้แฟรชในการถ่ายภาพจิตรกรรมฝาผนัง เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายกับภาพจิตรกรรมได้, ภายในอาคารอื่นทั้งหมดโดยเฉพาะอุโบสถ ห้ามถ่ายภาพอย่างเด็ดขาด ฝ่าฝืนมีโทษปรับและยึดสื่อบันทึก