เมืองเพชรบูรณ์
เพชรบูรณ์ เป็นเมืองโบราณ แต่ไม่ปรากฏหลักฐานเพียงพอที่จะสรุปว่าใครเป็นผู้สร้างเมื่อใด จากการขุดค้นพบที่ลานทองบริเวณเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ในวัดมหาธาตุพบอักษรไทยโบราณซึ่งอ่านได้ว่า
“พระเจ้าเพชรบูรณ์ โอรสพระยาอันลงได้ประดิษฐานไว้” ทำให้ทราบว่าแต่เดิมเมืองเพชรบูรณ์มีชื่อว่า
“เพชรบุร” หรือ
“พืชปุระ” หมายถึงเมืองแห่งพืชพันธุ์ธัญญาหาร
ส่วนในท้องที่อำเภอศรีเทพ มีโบราณสถานเก่าแก่ชื่อ
“เมืองศรีเทพ” จากการค้นพบซากโบราณสถานและหลักฐานทางประวัติศาสตร์เชื่อว่าเมืองนี้มีอายุไม่ต่ำกว่า ๑,๐๐๐ ปีและร่วมสมัยกับการสร้างเมืองพิมาย เมืองลพบุรีและเมืองจันทบุรี ครั้งนั้นเป็นสมัยของขอมเรืองอำนาจ เมืองนี้ชื่อว่า
“อภัยสาลี” ต่อมาเมื่อชาวไทยอพยพเข้ามาและแย่งชิงดินแดนจากขอมจึงได้เปลี่ยนชื่อเมืองเป็น
“ศรีเทพ”
ปัจจุบันยังมีซากตัวเมือง กำแพงเมืองและปรางค์ปรากฏอยู่ บริเวณที่ตั้งเมืองเป็นพื้นที่ราบ มีกำแพงดินสูงรอบเมือง ด้านนอกกำแพงเมืองมีคูเมือง ภายในเมืองมีพระปรางค์ ซากเทวสถาน เทพารักษ์ พระนารายณ์ และรูปยักษ์ทีสลักด้วยศิลาแลงเช่นเดียวกับเมืองพิมาย เมืองลพบุรี และเมืองจันทบุรี
สมเด็จพระบรมวงค์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงสันนิษฐานว่า เมืองเพชรบูรณ์เป็นเมืองที่สร้างมา ๒ สมัย แต่สร้างในบริเวณเดียวกัน คือสมัยสุโขทัยเป็นราชธานี เพราะมีเจดีย์โบราณในวัดมหาธาตุซึ่งวิเคราะห์ได้ว่ามีอายุราวสมัยนั้น จากนั้นพบหลักฐานการสร้างเมืองอีกครั้งในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช สิ่งสำคัญที่ยังคงอยู่ก็คือป้อมและกำแพงซึ่งก่ออิฐปนศิลา
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เมืองเพชรบูรณ์ขึ้นตรงต่อเมืองนครราชสีมา ครั้นถึง พ.ศ. ๒๔๔๐ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อมีการจัดการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาล เพชรบูรณ์มีฐานะเป็นที่ตั้งมณฑลเรียกว่ามณฑลเพชรบูรณ์โดยมีเมืองหล่มเก่าร่วมอยู่ด้วย ต่อมา พ.ศ. ๒๔๕๔ เมืองหล่มสักถูกยุบเป็นอำเภอและมาขึ้นต่อจังหวัดเพชรบูรณ์
วัดมหาธาตุ ถือเป็นวัดหลวงและใหญ่ที่สุดของเมืองเพชรบูรณ์สร้างในสมัยอยุธยา ในปี พ.ศ. ๒๕๑๑ กรมศิลปกรได้ทำการเปิดกรุวัดมหาธาตุ และได้พบพระเครื่องพิมพ์ต่าง ๆ ออกมาด้วยกันหลายพิมพ์ แต่ที่อยู่ในความนิยมมากที่สุดได้แก่พิมพ์เปิดโลกซุ้มแก้ว ต่อมาบางท่านเรียกว่าพิมพ์
“ซุ้มประตู” พิมพ์ร่มโพธิ์ซุ้มเรือนแก้ว และพิมพ์นาคปรก
พระกรุวัดมหาธาตุที่ถูกค้นพบทั้งหมดจะเป็นพระเนื้อชินเงินทั้งหมด ตอนแตกกรุออกมาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๑ นั้นกรมศิลปกรได้จำหน่ายให้ประชาชนไว้บูชาโดยตั้งราคาบูชาไว้คือ พระพิมพ์เปิดโลกซุ้มเรือนแก้ว บูชาองค์ละ ๕๐๐ บาท พิมพ์ร่มโพธิ์ซุ้มเรือนแก้ว บูชาองค์ละ ๓๐๐ บาท และพิมพ์นาคปรกบูชาองค์ละ ๒๐๐ บาท แต่ปัจจุบันถือว่าหายากและราคาสูงกว่าแต่ก่อนมาก
พระกรุวัดมหาธาตุถึงแม้จะเป็นพระที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาก็ตาม แต่ด้านพุทธคุณนั้นสูงไปด้วยพลานุภาพ ในด้านแคล้วคลาดคงกระพันชาตรี ไม่แพ้พระจากเมืองอื่น ๆ เลย