เดินทางจากกรุงเทพมหานคร ใช้เส้นทางถนนสายเอเชีย ขับรถผ่าน จ.พระนครศรีอยุธยา-อ่างทอง-สิงห์บุรี-ชัยนาท-อุทัยธานี มุ่งหน้าไปยัง “จ.นครสวรรค์” ประตูด่านแรกสู่ภาคเหนือ เมืองที่ใครหลายคนบอกว่าที่นี่เป็นเมืองผ่าน แต่ “สมาคมฯชวนชิล” ขอยืนยันนั่งยันนอนยันเลยว่าไม่จริง จ.นครสวรรค์เป็นเมืองที่มีมนต์เสน่ห์ มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติอันสวยงาม อีกทั้งวัดวาอารามเก่าแก่และพระเกจิคณาจารย์ชื่อดัง ซึ่งเมื่อผ่านเห็นป้าย “ต.หนองโพ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์” (ตั้งอยู่ก่อนถึง อ.เมืองนครสวรรค์) ก็ทำให้รำลึกถึงและต้องแวะกราบสักการะ “หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ” เทพเจ้าแห่งเมืองสี่แคว
“หมากดีวัดหนังเบี้ยขลังวัดนายโรง ไม้ครูอยู่คู่วัดอินทร์ ส่วนมีดบินวัดหนองโพ ฯลฯ” ข้างต้นนี้คือบางท่อนบางตอนของบทกลอนที่กล่าวถึง เครื่องรางของขลัง ๙ สิ่ง จากบันทึกส่วนพระองค์ของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ซึ่งรวมถึง “มีดหมอหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ” สุดยอดเครื่องรางของขลังของเมืองไทย
“พระครูนิวาสธรรมขันธ์ หรือ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ” เกิดเมื่อวันพุธที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๐๓ และมรณภาพเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๔ สิริอายุ ๙๑ ปี ๗๐ พรรษา ท่านเป็น “สมณะผู้สมถะ” ไม่ยึดติดต่อลาภยศสรรเสริญอามิสใด ๆ ท่านแตกฉานในด้านปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานและอาคมขลัง เป็นพระนักพัฒนาและมีเมตตาบารมีต่อทุกสรรพสัตว์ ทำให้ในอดีตวัดหนองโพเป็นศูนย์รวมของชาวบ้านทั้งด้านศาสนา การศึกษา การแพทย์ และสังคมประเพณี
วัตถุมงคลของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ มีอยู่ด้วยกันหลายอย่าง อาทิเช่น เหรียญรุ่นแรก สร้างปีพ.ศ.๒๔๗๐ เป็นเหรียญเสมา, เหรียญรูปไข่ ปี พ.ศ. ๒๔๘๒ มี ๒ เนื้อ คือเนื้อเงินและเนื้อทองแดง, รูปเหมือนปั๊ม, รูปเหมือนหล่อ, ตะกรุด, เสื้อยันต์, ผ้ายันต์, สิงห์งาแกะ และ มีดหมอ ปัจจุบันเป็นที่เสาะแสวงหาบูชาของบรรดานักนิยมสะสมเครื่องรางของขลัง ด้านพุทธคุณเล่าต่อกันว่าเด่นในทางคงกระพันแคล้วคลาด เมตตามหานิยม
ภายในวัดเมื่อเข้ามาถึงจะเห็น “มณฑป” ด้านบนประดิษฐาน “รูปหล่อเหมือนหลวงพ่อเดิม” ขนาดเท่าองค์จริงให้พุทธศาสนิกชนและศิษยานุศิษย์ที่เคารพนับถือได้มาสักการะกราบไหว้ ส่วนด้านข้างทั้งซ้ายและขวาของมณฑปมีรูปปั้นช้าง ซึ่งเป็นสัตว์ที่ใกล้ชิดและมีความผูกพันกับหลวงพ่อเดิมมากเชื่อว่าหากได้ลอดใต้ท้องช้างทั้ง ๒ เชือก จะเป็นสิริมงคล ถัดมาจะเห็น “ศาลามีดหมอ” เป็นเรือนไม้ชั้นเดียว ภายในมีมีดหมอยักษ์จักรนารายณ์ หลวงพ่อเดิม สามารถเข้าไปชมและเดินลอดใต้มีดหมอเพื่อความเป็นสิริมงคลและปัดเป่าสิ่งไม่ดีไม่มงคลในชีวิตนอกจากนี้ยังมี พระอุโบสถ, เจดีย์ ๓ องค์, สระหิน และเมรุพระราชทานเพลิงศพหลวงพ่อเดิม ฯลฯ ซึ่งล้วนแต่เป็นศาสนสถานเก่าแก่ที่ได้รับการดูแลและอนุรักษ์เป็นอย่างดี
เมื่อมาถึงวัดหนองโพแล้ว สมควรอย่างยิ่งที่ต้องเข้ามาชม “พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อเดิม” ย้ำรัว ๆ ว่าไม่ควรพลาด พิพิธภัณฑ์มีชีวิตแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณฐานองค์พระมหาธาตุเจดีย์นิวาสธรรมขันธ์ กิตติคุณัปปกาสินี เป็นห้องแอร์ปรับอากาศเย็นสบาย ภายในจัดแสดงนิทรรศการถาวร นำเสนอเรื่องราวของหลวงพ่อเดิมและท้องถิ่นบ้านหนองโพโดยแบ่งเนื้อหาออกเป็น ๔ องก์
“องก์1 มาตุภูมิบ้านหนองโพ” โบราณคดีบริเวณตำบลหนองโพ จุดแสดงวัตถุโบราณที่ขุดพบ ซึ่งมีอายุระหว่าง ๘๐๐ - ๔,๐๐๐ ปี การตั้งถิ่นฐาน วิวัฒนาการวิถีชีวิตและวัฒนธรรมประเพณีของชาวบ้านหนองโพที่สืบทอดกันมากกว่า ๒๐๐ ปี
“องก์2 ห้องพุทฺธสโร หลวงพ่อเดิม” จัดแสดงอัตถชีวประวัติ วัตรปฏิบัตรบารมีของหลวงพ่อเดิมในด้านต่าง ๆ ตลอดจนข้าวของเครื่องใช้ของท่านที่ถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี ได้มาเห็นถือว่าเป็นบุญตาเป็นมงคลแก่ชีวิต
“องก์3 ห้องเพิ่มพูนศรัทธา” ถ่ายทอดเรื่องราวความศรัทธาของชาวบ้านหนองโพและศิษยานุศิษย์ ทั้งการสร้างหีบและเมรุพระราชทานเพลิงศพหลวงพ่อเดิม รวมถึงจัดแสดงวัตถุมงคลทั้ง รูปหล่อ เหรียญ แหวน ผ้ายันต์รอยเท้า พระและเครื่องรางงาแกะ และมีดหมอ ซึ่งบางส่วนนักนิยมสะสมพระเครื่องผู้มีศรัทธาต่อหลวงพ่อเดิมได้มอบให้กับทางพิพิธภัณฑ์เพื่อเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมในการศึกษา นับว่าเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง
“องก์4 ห้องกถาคัมภีร์” จัดแสดงคัมภีร์โบราณที่พบในวัดหนองโพ มีเนื้อหาหลากหลาย ทั้งไสยเวท, ยารักษาโรค ทั้งตำรับยาไทยยาฝรั่ง, ตำราเรียน, ความเชื่อพิธีกรรมและพระพุทธศาสนา
เดินทางออกจากวัดหนองโพ อากาศยามเที่ยงเมืองไทยยังคงคุณภาพความร้อนแบบเสมอต้นเสมอปลาย นั่นมิใช่ปัญหาค่ะ เชิญมาหลบร้อนกันได้ที่ “บึงบอระเพ็ด” แหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ที่ตอนนี้เขามี “อาคารจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ” ภายในมีอุโมงค์ปลายาวถึง ๒๔ เมตรจัดแสดงปลาน้ำจืดกว่า ๑๐๐ ชนิด พร้อมพันธุ์ปลาน้ำเค็มอีกหลายพันธุ์ ซึ่งไฮไลท์ของที่นี่คือ “ปลากระเบน” ตัวใหญ่ยักษ์ที่เวลาเวียนว่ายไปมาสร้างความฮือฮาตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ที่มาเยี่ยมชมเป็นอย่างมาก
และแน่นอนเมื่อมาถึงบึงบอระเพ็ดก็ต้องชมการแสดงจระเข้หรือถ้าอยากล่องเรือชมทัศนียภาพ ดูนกนานาชนิด บัวหลากหลายสายพันธุ์ สามารถติดต่อเช่าเรือได้ที่ท่าเรือบึงบอระเพ็ด ก็จะได้สัมผัสธรรมชาติที่สวยงามอย่างใกล้ชิด มีความสุขสนุกสนานไปอีกแบบค่ะ
ลัดเลาะเที่ยวนอกเมืองมาพอสมควรแล้ว ก็ขับรถข้ามสะพานเดชาติวงศ์ สะพานเก่าที่เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองมังกร จ.นครสวรรค์ เหตุที่เรียกว่าเมืองมังกรนั้นเพราะตั้งแต่ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นปากน้ำโพ จ.นครสวรรค์ เป็นพื้นที่ที่มีคนจีนอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานและประกอบอาชีพทำการค้า จนถึงปัจจุบันจึงยังมีคนไทยเชื้อสายจีนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ จ.นครสวรรค์ ยังมีชื่อเสียงในเรื่องการจัดงานวันตรุษจีนที่ยิ่งใหญ่อลังการมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก และถ้าหากสังเกตดี ๆ จะเห็นหุ่นปั้นรูปมังกรประดับประดาอยู่ทั่วทั้งเมือง
“ศาลเจ้าพ่อ เจ้าแม่หน้าผา” ตั้งอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำปิง ห่างจากตลาดปากน้ำโพขึ้นไปตามถนนโกสีย์ประมาณ ๒ กิโลเมตร ภายในประดิษฐานเจ้าพ่อ เจ้าแม่หน้าผา หรือที่คนไทยเชื้อสายจีนเรียกว่า ปึงเถ่ากง-ปึงเถ่ามา, เจ้าพ่อกวนอู หรือ กวงกง, เจ้าแม่สวรรค์ หรือ เทียนโหวเซี้ยบ้อ และ ใช้ซิ่งเอี้ย หรือ ไฉ่เส้นเหย ประชาชนส่วนใหญ่นิยมมากราบไหว้ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล ถือได้ว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์และความสัมพันธ์ของชาวไทยเชื้อสายจีนในท้องถิ่นที่หล่อหลอมไว้อย่างเหนียวแน่น
เดินทางมา จ.นครสวรรค์ ทั้งทีต้องได้ลิ้มรสเมนูปลาจากปากน้ำโพ ซึ่งไม่ไกล อยู่ใกล้ ๆ ศาลเจ้าพ่อ เจ้าแม่หน้าผา เดินไปไม่ถึง ๑๐ ก้าว ก็ถึงร้าน “ครัวหน้าผา” ร้านเก่าแก่ดั้งเดิม บรรยากาศในร้านดูเรียบง่าย ผ่านไปมาถ้าไม่สังเกตดี ๆ อาจคิดว่าร้านปิด แต่ขอบอกเลยว่ารสชาติอาหารจานเด็ดร้านนี้เขาไม่ธรรมดา เมนูขึ้นชื่อได้แก่ “ทอดมันปลากราย” เนื้อปลาแท้ ๑๐๐% เหนียวแน่นเด้งละมุนลิ้น “ปลาอินทรีหลน” ทานคู่ผักสดและดอกอัญชัน อร่อยจนต้องยกนิ้วให้ สำหรับคนที่ชอบทานเนื้อ แนะนำให้สั่ง “แกงเนื้อหน่อไม้ดอง” น้ำแกงเข้มข้นผสมผสานกับเนื้อนุ่มและหน่อไม้ดองรสชาติกำลังดี ให้อารมณ์อาหารแบบพื้นบ้าน ตัดเผ็ดด้วย “ปลาแรดทอดราดซอสมะขาม” และ “ยอดมะระผัดน้ำมันหอย” อร่อยสุด ๆ รสชาติดี วัตถุดิบชั้นเลิศ ราคามิตรภาพ เชิญมาชิมกันได้ค่ะ “สมาคมฯชวนชิม” ขอรับประกันความอร่อย ยกนิ้วโป้ง เยี่ยมยอด ๆ ให้เลยค่า
ทานของอร่อย ๆ จนอิ่มท้อง พระอาทิตย์ก็เตรียมลาลับขอบฟ้า “สมาคมฯชวนชิล” ขอแนะนำให้มาที่ “หอชมเมือง” ทางขึ้นทางเดียวกันกับ “พระจุฬามณีเจดีย์” เป็นอาคารสูง ๓๒ เมตร กดลิฟท์ขึ้นไปชั้น ๙ หรือถ้าท่านใดฟิตแข็งแรง จะเดินขึ้นบันไดก็ไม่ว่ากัน แต่เมื่อขึ้นไปแล้วรับรองว่าต้องประทับใจ เพราะสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองนครสวรรค์ยามพลบค่ำได้ครบทั่ว ๓๖๐ องศา และชื่นชม“พระจุฬามณีเจดีย์” ที่ประดับไฟได้จากมุมสูง งดงามมาก ถ้าอยากจะไปไหว้พระก็ไม่ไกล ขับรถไปต่ออีกนิดเดียวก็ถึงพระจุฬามณีเจดีย์ตั้งอยู่บนยอดเขาดาวดึงส์ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปจำลององค์สำคัญของประเทศไทย ถือได้ว่าจุดชมวิวอีกจุดหนึ่งที่มองเห็นทัศนียภาพเมืองนครสวรรค์และแม่น้ำปิงอันสวยงาม
๑. พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ เปิดทำการ วันอังคาร - วันอาทิตย์ เวลา ๑๙.๐๐ - ๑๗.๐๐ น. (หยุดวันจันทร์)
๒. อาคารจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ บึงบอระเพ็ด ค่าเข้าชมท่านละ ๔๙ บ.
๓. หอชมเมืองเทศบาลนครสวรรค์ ค่าเข้าชมท่านละ ๒๐ บ.