“ชุมชนคลองบางหลวง” เป็นชุมชนเก่าแก่ริมน้ำ ที่มีความเป็นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ครั้งนั้น สมเด็จพระไชยราชาธิราช โปรดเกล้าฯให้มีการขุดคลองลัดขึ้น เพื่อย่นระยะเวลาและอำนวยความสะดวกในการค้ากับชาวต่างชาติที่เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรี ส่วนเหตุที่เรียก คลองบางกอกใหญ่ ว่า คลองบางหลวง เนื่องจากในสมัยสมเด็จพระตากสินมหาราชทรงย้ายราชธานีใหม่มาอยู่ที่กรุงธนบุรี เหล่าข้าราชบริพาร บรรดาข้าหลวง ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ต่างพากันมาสร้างบ้านเรือนอยู่ริมคลองบางกอกใหญ่ เนื่องจากเป็นพื้นที่ใกล้เคียงกับพระราชวังเดิม ชาวบ้านจึงเรียกคลองสายนี้ว่า “คลองบางข้าหลวง” เมื่อเวลาผ่านไปจึงเหลือเพียงชื่อเรียกสั้นๆว่า “คลองบางหลวง”
บอกเล่าเก้าสิบถึงความเป็นมาให้ทราบโดยสังเขปแล้ว ก็ขอเริ่มที่จุดต้นเรื่อง ออกเดินมาตามทางเลียบคลอง จากวัดกำแพงบางจากตรงมาเรื่อยๆจะเห็น “ลุงแดง กับ ลุงขาว” นั่งห้อยขาทอดหุ่ยชมวิวชิลอยู่ริมน้ำ ถึงแล้ว... “บ้านศิลปิน” บ้านไม้อายุกว่า100ปี ทรงมะนิลา 2 ชั้น มีลักษณะเป็นรูปตัวแอล สร้างล้อมรอบเจดีย์เก่า แต่เดิมบ้านหลังนี้เป็นของ “ตระกูลรักสำรวจ” ตระกูลช่างทองเก่าแก่ ซึ่งทายาทรุ่นสุดท้ายได้ขายให้กับ คุณชุมพล อักพันธานนท์ เพื่อบูรณะบ้านหลังนี้ให้กลับมาสวยสมบูรณ์เหมือนดั่งในอดีต ปัจจุบันจัดให้เป็นพื้นที่แสดงงานศิลปะ จาก ศิลปินแขนงต่างๆ ที่สอดแทรกผลงานอยู่ทุกซอกทุกมุมให้ดูชมได้อย่างเพลิดเพลิน ความรู้สึกแรกเมื่อผู้เขียนมาถึง “บ้านศิลปิน” บ้านหลังนี้เหมือนกับคนเฒ่าคนแก่ใจดี ที่ให้ความสงบ อบอุ่น เต็มเปี่ยมด้วยความรู้และเรื่องราวของวันวาน “ดูมีชีวิต” และยังคงสร้างชีวาให้กับทุกคนที่มาเยี่ยมเยือน บริเวณชั้นล่างของตัวบ้าน แบ่งออกเป็น2ส่วน ส่วนแรกที่เป็นไฮไลท์เด่น ขีดเส้นใต้ตัวโตๆว่ามาแล้ว ต้องห้ามพลาด! คือลานวัฒนธรรมที่จัดแสดง “หุ่นละครเล็ก คลองบางหลวง คณะคำนาย”
เอกลักษณ์ของการแสดงหุ่นละครเล็ก คลองบางหลวง คณะคำนาย ผู้เชิดทั้งสามต้องใส่หน้ากากเพื่อลดทอนความเป็นมนุษย์และดึงความเด่นให้ผู้ชมสนใจในตัวหุ่น เปรียบได้ว่าผู้เชิดเป็นเพียงจิตและตัวหุ่นเปรียบเสมือนกาย วันนี้เรื่องที่จัดแสดงคือ รามเกียรติ์ ตอน หนุมาน จับนางสุพรรณมัจฉา เริ่มออกโรงกันในเวลา14.00 น. ผู้ชมเริ่มหนาแน่นต่างจับจองพื้นที่ของตัวเอง บ้างก็นั่งบนเก้าอี้ บ้างก็นั่งบนพื้น หรือถ้าอยากนั่งสบายๆจะขึ้นไปนั่งดูที่ระเบียงชั้นบนก็เลือกได้ตามอัธยาศัย และด้วยฝีมือในการเชิดหุ่นที่ยอดเยี่ยม การนำเสนอที่ทันสมัยเป็นกันเอง สามารถสร้างความสนุกสนาน รอยยิ้มเสียงหัวเราะ และความประทับใจแก่ผู้ชมชาวไทยและชาวต่างชาติอย่างท่วมท้น
อีกสิ่งหนึ่งที่สะดุดทุกสายตาคือ “องค์พระเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง” ที่ตั้งสูงสง่าอยู่กลางบ้านศิลปิน สันนิษฐานว่าเป็นพระเจดีย์ทิศหนึ่งจากสี่ทิศเพื่อบอกอาณาเขตของวัดกำแพงบางจาก และมีอายุกว่า300ปี ถือได้ว่าเป็นอะไรที่พิเศษมากๆ อธิบายอย่างเข้าใจง่ายๆคือ พระเจดีย์องค์นี้เป็นสถาปัตยกรรมที่มีสี่ด้าน แต่ไม่ได้มีสี่มุม เนื่องจากหนึ่งด้านจะย่อเป็นสามมุม รวมได้สิบสองมุม ซึ่งพระเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์ของช่างในสมัยอยุธยา ปัจจุบันได้รับการดูแลเพื่อเป็นโบราณสถานที่คงอยู่คู่กับบ้านศิลปินและชุมชนคลองบางหลวงสืบต่อไป
ส่วนที่สองของชั้นล่างบ้านศิลปินจะมีร้านกาแฟและเครื่องดื่มสมุนไพร ส่งกลิ่นหอมหวลชวนชิม หรือท่านใดท้องร้องหิวข้าว บ้านศิลปินก็มีบริการให้เลือกซื้อทานพร้อมสรรพทั้งคาวหวาน โดยส่วนใหญ่จะเป็นอาหารไทยภาคกลาง เช่น น้ำพริกกะปิ ปลาทูทอด ผัดพริกขิงกากหมู ไข่พะโล้ อีกทั้ง แกงจืดแกงเผ็ดมีให้เลือกหลากหลาย ในส่วนของหวานที่ขึ้นชื่อ ได้แก่ เมี่ยงคำสูตรโบราณ และ สาคูไส้หมู ที่มีคุณป้าใจดีนั่งทำสดๆใหม่ๆอยู่ตรงชานบ้าน ถือเป็นการสาธิตกรรมวิธีการทำให้เยาวชนและผู้มาเยือนได้เรียนรู้ไปโดยปริยาย
นอกจากนี้ยังมีร้านขายของที่ระลึก เช่นโปสการ์ด สมุดบันทึก หน้ากาก ฯลฯ โดยทางบ้านศิลปินได้จัดเตรียมอุปกรณ์สีไว้ให้เลือกใช้หลายชนิด สามารถนำมาสร้างสรรค์ระบายสีเป็นงานศิลปะของตัวเองได้อย่างสวยงามไม่ซ้ำใคร จะนั่งทำบนโต๊ะในบ้านหรือริมน้ำหน้าบ้านชมวิวด้วยก็ได้ตามแต่ใจต้องการ ถือว่าเป็นการพักผ่อนใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ในทางสร้างสรรค์ ได้ผูกไมตรีจิตกับคนรอบข้าง ผละจากความวุ่นวายและ “สังคมก้มหน้า” จากกระดานชนวนไฟฟ้าที่เห็นเป็นภาพชินตาอยู่ทุกวันนี้
ด้านชั้นบนของบ้านสามารถเดินขึ้นไปชมกันได้ ห้องแรกจะมีโต๊ะหมู่บูชาพระพิฆเนศและเศียรพ่อแก่ซึ่งเป็นที่เคารพยิ่งของเหล่าศิลปินผู้สร้างสรรค์ศิลปะทุกแขนง ถัดมาจะเป็นพื้นที่จัดแสดงภาพศิลป์ ผู้ที่สนใจอยากเรียนวาดภาพ ทั้งลายเส้น สีน้ำ สีอะคริลิค สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้มีอาจารย์ผู้ชำนาญการสาธิตการวาดรูปและให้ข้อมูลความรู้อย่างใกล้ชิด
เมื่อเดินออกมาจากบ้านศิลปิน ซ้ายมือจะมีร้านรวงต่างๆเรียงกันเป็นแถว มีทั้งร้านขายทองที่ระลึก งานศิลปะ ร้านของเล่นโบราณ รวมถึงงานฝีมือต่างๆ ถึงแม้จะไม่ได้โดดเด่นสวยหรู แต่สิ่งที่มีค่าและประเมินราคาไม่ได้ คือ รอยยิ้มและไมตรีจิตของพ่อค้าแม่ขายที่มีให้กับผู้มาเยือน “ต้อนรับเขาให้เหมือนกับญาติของเราเอง” คือคติประจำใจของที่แห่งนี้ “ตลาดน้ำคลองบางหลวง”
ก่อนเดินทางกลับแวะไหว้พระที่ “วัดกำแพงบางจาก” วัดโบราณที่สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย และต่อมาได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานพระประธาน “หลวงพ่อบุษราคัม” พระพุทธรูปปางมารวิชัย เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้านคลองบางหลวงมาช้านาน อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจคือจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถที่วิจิตรงดงามชวนมองเป็นอย่างยิ่ง
ด้านขวาของพระอุโบสถเป็นวิหารที่ประดิษฐานหลวงพ่อวัดบ้านแหลมจำลอง ด้านซ้ายมือเป็นวิหารอีกหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นข่าวฮือฮาอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์และสื่อต่างๆเมื่อไม่นานมานี้ หลังค้นพบพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ อายุกว่า200ปี อยู่ในวิหาร เชิญชวนทุกท่านมากราบไหว้ขอพรเพื่อเป็นความสิริมงคล
“ดูหุ่นละครเล็กบ้านศิลปิน เยือนถิ่นคลองบางหลวง” นั้นมากมายเหลือเกิน มากเกินกว่าที่จะคาดถึง อยากขอฝากให้มาเที่ยว มาเยี่ยมชมกันเยอะๆ อย่าให้ศิลปะวัฒนะธรรมของไทยเป็นเพียง “ของดี” ในสายตาของชาวต่างชาติ พวกเขาเหล่านี้ยังคงรอกำลังใจจากคนไทยด้วยกัน มาร่วมกันอนุรักษ์สืบสานเพื่อต่อลมหายใจให้ศิลปะของไทยได้มีชีวิตต่อไปอีกนานเท่านาน